คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดการประชุมเจรจาและหารือเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวิชาการและงานวิจัยด้านประชาคมอาเซียนและการพัฒนาที่ยั่งยืน ระหว่างคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ 1 อาคารคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก
การประชุมในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อหารือแนวทางในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งสองหน่วยงาน โดยมุ่งเน้นในด้านการวิจัยและการพัฒนาวิชาการ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและนิสิตร่วมกัน โดยทั้งสองหน่วยงานมีความเชื่อมโยงและบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนและส่งเสริมการดำเนินงานที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ
โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากฎหมายและการดำเนินงานทางการเมืองระดับประเทศ การร่วมมือครั้งนี้ทำให้สำนักงานฯ สามารถเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาเพื่อให้การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนมีมิติที่ลึกซึ้งและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของภูมิภาค
ทางด้านคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นอกจากการเป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่เชี่ยวชาญในด้านสังคมศาสตร์แล้ว คณะยังมีบทบาทในการเป็นแหล่งความรู้ที่สามารถบูรณาการข้อมูลและงานวิจัยจากหลากหลายสาขาวิชา ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งการศึกษาเชิงปฏิบัติที่สนับสนุนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน
ซึ่งในช่วงแรกของการหารือเป็นการนำเสนอผลการศึกษาวิจัยและเสนอข้อคิดเห็นจากงานวิจัยที่ได้เดินทางไปศึกษาวิจัย ณ ประเทศเวียดนาม โดยรองศาสตราจารย์ ดร.อัจฉริยา ชูวงศ์เลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติชาวเวียดนามในประเทศไทย และได้สรุปถึงประเด็นสำคัญหลายด้านที่ครอบคลุมทั้งแรงจูงใจในการย้ายถิ่น สภาพการทำงาน และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดยแรงงานเวียดนามส่วนใหญ่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อหางานที่มีรายได้สูงกว่าและมีโอกาสในการพัฒนาทักษะในสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และการบริการ สาเหตุหลักมาจากความต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต เนื่องจากงานในเวียดนามมักมีรายได้ต่ำและโอกาสที่จำกัด แม้ว่าแรงงานบางส่วนจะเข้ามาในระบบอย่างถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่ยังคงทำงานอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาเผชิญกับปัญหาในเรื่องสิทธิแรงงาน เช่น ค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม และขาดความคุ้มครองด้านกฎหมาย
การศึกษาเน้นว่าการทำงานอย่างไม่เป็นทางการทำให้แรงงานชาวเวียดนามขาดความรู้และการเข้าถึงบริการทางกฎหมายหรือการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ พวกเขามักตกเป็นเป้าของการถูกเอาเปรียบทั้งจากนายจ้างและผู้ดูแล แรงงานบางกลุ่มต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงอันตรายและขาดสวัสดิการที่เพียงพอ นอกจากปัญหาสิทธิแรงงาน งานวิจัยยังกล่าวถึงผลกระทบเชิงบวกที่แรงงานเวียดนามมีต่อเศรษฐกิจไทย พวกเขาช่วยเสริมแรงงานในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในงานที่แรงงานไทยไม่ค่อยนิยม อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ รวมถึงการสร้างนโยบายที่สามารถรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม โดยได้เสนอแนวทางการพัฒนานโยบายที่ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้แรงงานเวียดนามสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีสิทธิขั้นพื้นฐาน และได้รับการคุ้มครองจากภาครัฐ สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับเวียดนามในระยะยาว โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม
จากนั้นเป็นการหารือเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการทำความร่วมมือทางวิชาการและงานวิจัยด้านประชาคมอาเซียนและการพัฒนาที่ยั่งยืน ระหว่างคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตัวแทนจากทั้งสองหน่วยได้ร่วมกันหารือในด้านต่างๆ เช่น การสนับสนุนงานวิจัยที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคอาเซียน การสร้างเครือข่ายนักวิจัยเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน การจัดกิจกรรมด้านวิชาการร่วมกัน การแลกเปลี่ยนบุคลากร รวมถึงการรับนิสิตเข้าปฏิบัติการสหกิจศึกษา เป็นต้น โดยความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางวิชาการของทั้งสองหน่วยงาน และส่งเสริมการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประชาคมอาเซียน